จุดเริ่มต้นของการทำ SEO ก็คือการวางแผนหา Keyword ซึ่ง Keyword ก็เปรียบเหมือนทำเลทอง บนโลกออนไลน์ ทำบทความไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความหมาย ต้องวางแผนหา Keyword ก่อนเสมอ
แต่โปรแกรมหา Keyword ก็มีอยู่มากมายหลายโปรแกรม เราจะเลือกโปรแกรมอะไรดี เพราะแต่ละโปรแกรมมีคุณภาพไม่เท่ากัน ถ้าเลือกใช้เครื่องมือไม่ดี ก็อาจจะทำให้เราพลาด Keyword ดีๆ ก็เป็นได้
Keyword คืออะไร
“Keyword” หรือ “คีย์เวิร์ด” คือคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานพิมพ์ลงในเครื่องมือค้นหา (Google) เมื่อพวกเขาต้องการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต และเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญใน
การทำ SEO
ตัวอย่าง Keyword สำหรับเว็บสายเทาทั้งหลาย เช่น สล็อตออนไลน์, สล็อตเว็บตรง, เครดิตฟรี, คาสิโนออนไลน์ เป็นต้น
ประเภทของโปรแกรมหา Keyword
โปรแกรมหา Keyword เราจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ก็คือ
- โปรแกรมหา Keyword ที่อยู่ภายนอก Google เช่น ubersuggest, Ahrefs, Semrush
- โปรแกรมหา Keyword ที่อยู่ภายใน Google เช่น Google keyword planner, Google trend
โปรแกรมหา Keyword ที่อยู่ภายนอก Google หมายถึง โปรแกรมที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจาก Google โดยตรง ทำให้ข้อมูลที่ได้รับ อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงได้
เลือกใช้โปรแกรมหา keyword ตัวไหนดี
ถ้า Keyword เปรียบเหมือนทำเล แปลว่า ก่อนที่เราจะเริ่มต้นสร้างหน้าร้าน ต้องหาทำเลก่อน ดูตัวอย่างรูปภาพด้านล่างนะ

อยู่ๆ เซเว่น จะเปิดสาขาเลยมั้ย ไม่ใช่แน่นอน เขาต้องสำรวจก่อน ว่าถนน หรือชุมชนไหน มีปริมาณผู้คนมากพอ ที่จะเปิดเซเว่นสัก 1 สาขาได้
การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน เราต้องสำรวจหา Keyword ที่มีปริมาณคนค้นหาก่อน แล้วค่อยไปลงมือทำบทความนั้นเอง สมมุติ ผมมีตัวอย่างคำมาให้เราเลือก 3 คำนี้
ผมจะลองใช้โปรแกรม
Ahrefs ในการตรวจเช็คปริมาณการค้นหาของแต่ละคำดู ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นตามนี้

พวกเราจะเลือกคำไหน เอามาทำบทความ SEO?
ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า ก็ต้องเลือกคำว่า “ssc168” เพราะมีปริมาณการค้นหามากที่สุด และส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าคำนี้ “Fun1688” อย่าไปเสียเวลาเขียนบทความเลย เพราะคนค้นหาคำนี้น้อย
คราวนี้ผมจะเอาทั้ง 3 คำ ไปเช็คผ่านโปรแกรม
Google keyword Planner ดูว่าผลลัพธ์จะตรงกันหรือไม่
“ssc168” ปริมาณค้นหา = 2400
“usa888” ปริมาณค้นหา = 18000
“fun1688” ปริมาณค้นหา = 3600

ดูจากรูปแล้ว พวกเราได้คำตอบมั้ย ว่าควรเลือก Keyword อะไรดีเพื่อเอามาทำ SEO
ข้อมูลจาก Google keyword planner มีความใกล้เคียงกลับปัจจุบันมากที่สุด แต่ข้อมูลนั้นก็ยังไม่ใช่ข้อมูล Realtime เพราะข้อมูลจาก Google keyword planner คือยังช้ากว่าปัจจุบัน 1 เดือน แต่ข้อมูลของ Ahrefs นั้นช้ากว่าปัจจุบัน 3 เดือน
คราวนี้ผมจะเอาคำเดียวกันไปลองเช็คด้วยโปรแกรม Ubersuggest ผลลัพธ์ก็จะเป็นดังนี้

ก็ยังถือว่า ไม่ตรงกลับที่แสดงใน Google keyword planner แต่ก็ใกล้เคียงมากกว่าใน Ahrefs
สรุปได้ว่า
สำหรับโปรแกรมเช็ค Keyword ตัวที่เอาไว้เช็คปริมาณ search volume ที่ดีที่สุดก็คือ Google keyword planner นั้นเอง
การประยุกต์ใช้งานโปรแกรมหา keyword ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แม้ว่า Google keyword planner จะเช็คปริมาณ search volume ได้ดีที่สุด แต่ตอนใช้งานจริง เราต้องใช้ทั้ง ahrefs หรือ ubersuggest ตัวใดตัวนึง รวมด้วย
หลักการก็คือ เราจะใช้ ahrefs หรือ ubersuggest แตกหา Keyword รวมถึงใช้ 2 โปรแกรมนี้ในการแกะหา Keyword จากเว็บคู่แข่ง แต่ตอนที่เราจะตัดสินใจว่าจะทำคำไหนดี ให้เราเอาคำนั้น ไปเช็คซ้ำที่ Google keyword planer อีกรอบ เพื่อดูสถิติปัจจุบัน และดูแนวโน้มการเติบโต หรือกำลังลดน้อยลง
จุดอ่อนของโปรแกรม Google keyword planner
คราวนี้ผมจะทดสอบอะไรบางอย่างให้ดู เว็บสายเทานั้น ไม่ได้มีแค่วงการ สล็อต คาสิโน เพียงอย่างเดียว วงการเว็บสายเทา ยังครอบคลุมไปถึง ธุรกิจขายบุหรี่ไฟฟ้า
ผมจะลองใช้โปรแกรม Google keyword planner และ ubersuggest เช็คปริมาณการค้นหาของคำว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ดูว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
เช็คผ่าน Google keyword planner
ปรากฏว่าไม่ขึ้นสถิติข้อมูล เพราะ Google keyword planner เป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งของ
Google Ads ซึ่งคำว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นคำต้องห้าม สำหรับการลงโฆษณา จึงเป็นคำที่ไม่แสดงบน Google keyword planner นั้นเอง
เช็คผ่าน Ubersuggest
ปรากฏว่าแสดงปริมาณ search volume เป็น 0 อ่านเป็นว่าไปได้ Ubersuggest ก็ดึงข้อมูลมาจาก Google keyword planner มาอีกที จึงทำให้ไม่มีข้อมูลในการนำมาประมวลผลนั้นเอง

คราวนี้ผมจะเช็คคำเดียวกันผ่านโปรแกรม Ahrefs ดูว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไรบ้าง

ผลปรากฏว่า Ahrefs สามารถใช้ค้นหา keyword ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าได้นั้นเอง
สรุปได้ว่า
แม้ว่าปริมาณการค้นหาของ Ahrefs จะไม่ค่อยตรง แต่กลับสามารถเช็ค keyword เกี่ยวกับวงการบุหรี่ไฟฟ้าได้ ดังนั้น หากใครกำลังทำ SEO สายบุหรี่ไฟฟ้า ตัว Ahrefs เป็นโปรแกรมบังคับ ที่เราต้องใช้ได้เลย
คู่มือการใช้งานของแต่ละโปรแกรม
สำหรับคนที่ยังใช้งานโปรแกรมทั้ง 3 ตัวนี้ไม่เป็น ให้ศึกษาตามไกด์ไลน์นี้ได้เลยครับ
และยังมีสิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานทั้ง 3 โปรแกรมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
สรุปทั้งหมด
โปรแกรมหา keyword เราจำเป็นต้องใช้ทั้ง 2 ประเภท คือตัวที่เป็นโปรแกรมภายนอก Google และตัวที่เป็นภายในของ Google เอง ซึ่ง Google keyword planner เหมาะสำหรับเอาไว้เช็คปริมาณการค้นหาของแต่ละ keyword เพราะมีความใกล้เคียงกับปัจจุบันมากที่สุด แต่ถ้าคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าคุณต้องใช้ Ahrefs เท่านั้น